สัมผัส Mitsubishi Xforce HEV เส้นทาง ภูเก็ต-กระบี่

 

สัมผัส Mitsubishi Xforce HEV เส้นทาง ภูเก็ต-กระบี่  

หลังจากเปิดตัว Mitsubishi Xforce HEV ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม และอวดโฉมในงาน Motor Show 2025 ต่อด้วยกิจกรรมทดลองขับในสนามปิด ที่สนามปทุมธานี สปีดเวย์ จากกระแสการตอบรับที่ดีด้วยยอดจองใกล้แตะ 3,000 คัน ในเร็วๆนี้

Mitsubishi Xforce HEV

 มาวันนี้มิตซูบิชิ จัดทดลองขับเส้นทางออฟโรดในสนามจำลอง และขับทดสอบการใช้งานจริง ทั้งยังมีการทดสอบอัตราประหยัดน้ำมัน เส้นทางออนโรดยาวๆ จากภูเก็ต ถึง สุราษฏรธานี

 Mitsubishi Xforce HEV

เริ่มกับการทดสอบสถานีแรก เส้นทางออฟโรดโดยทดลองใช้ Gravel Mode เพื่อขับบนพื้นกรวด ลูกรัง ขับขี่ด้วยความเร็วเฉลี่ย 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับเข้าสลาลม และเข้าโค้งแบบวงกลม เพื่อดูการทรงตัวของรถ โดยปกติเมื่อรถ ขับเข้าโค้งบนทางลูกรัง มักจะเกิดอาการท้ายปัด แต่ Mitsubishi Xforce HEV มีระบบ AYC โดยระบบเข้ามาทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยรักษาอาการของตัวรถ ทำให้ดึงตัวรถกลับเข้ามา ซึ่งทำให้ควบคุมรถและขับขี่ได้ง่ายขึ้น จากนั้นได้ทดลองสถานีที่เป็นขับเนินสลับซ้าย-ขวา Mitsubishi Xforce HEV ก็ผ่านได้อย่างสบาย และมาถึงสถานีที่ลุ้น ว่าจะผ่านไปได้ไหม คือ ลุยโคลนเละและค่อนข้างลึก จากการมองด้วยสายตา คิดว่าน่าจะผ่านไปได้ยาก จากนั้นทดลองปรับใช้ Mud Mode และค่อยๆเคลื่อนตัวรถเข้าไปบนทางโคลน โดยกดคันเร่งประคอง และหักพวงมาลัยซ้ายขวาเพื่อตะกุยโคลน ซึ่งการขับขี่จะไม่ยกคันเร่งเพราะจะทำให้รถหยุดนิ่งบนโคลน และตัวรถจะจมโคลน จากการทดลองระบบ Mud Mode ทำหน้าที่ค่อยๆตะกุย และฝ่าอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ทักษะมากมายในการขับขี่ Mitsubishi Xforce HEV ก็พาเราออกมาจากบ่อโคลนได้อย่างง่ายดาย

 Mitsubishi Xforce HEV

ส่วนการทดสอบออนโรด ขับขี่บนถนนจริงผ่านการจราจรติดขัด ขนาดของตัวรถถือว่าไม่เล็ก และไม่ใหญ่เกินไป ให้ความคล่องตัวดี และได้ขับขี่ความเร็วสูง ผ่านเส้นทางคดเคี้ยว ทั้งขึ้น-ลง เขา ได้ทดสอบอัตราเร่งแซง ซึ่งพละกำลัง Mitsubishi Xforce HEV ทำได้ดีไม่อืด ส่วนช่วงล่างแม้จะไม่หนึบมากแต่ก็ไว้ใจได้ การเก็บเสียงในห้องโดยสารช่วงความเร็ว 100-120 กม./ชม. จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามเข้ามาบ้าง ความโดดเด่นอีกอย่าง คือ ความฉลาดของ การจัดการระบบพลังงาน ของกล่อง ECU ที่ทำการคำนวณการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ให้เหมาะสมกับสภาพถนนและความเร็ว ที่สั่งการได้อย่างเนียน นอกจากนี้ยังมีโหมดให้เลือกตามการใช้งาน ได้แก่ 1.Normal Mode ปรับสมดุลทุกอย่าง เหมาะกับการใช้งานทั่วไป 2.Tarmac Mode เน้นสมรรถนะ คันเร่งไว ระบบ AYC ทำงานสูงสุด 3.Wet Mode เสริมความปลอดภัยบนพื้นลื่น Traction Control และ AYC ทำงานเร็วขึ้น 4.Mud Mode ใช้ในเส้นทางโคลน 5.Gravel Mode สำหรับพื้นกรวด ลูกรังและอีก 2 โหมดเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าโดยตรง ได้แก่ โหมด EV Mode ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% เงียบและปล่อยมลพิษเป็นศูนย์  และโหมด EV Charge Mode เครื่องยนต์ทำงานเพื่อชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้าไปในระบบ

 Mitsubishi Xforce HEV

และการทดลองขับอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อพิสูจน์อัตราประหยัดน้ำมันของ Mitsubishi Xforce HEV สื่อมวลชนแต่ละทริปจะได้รูปแบบเส้นทางที่แตกต่างกันระยะทางที่ต่างกัน ซึ่งผลออกมาอัตราการประหยัดก็ต่างกัน ในส่วนของทริปนี้ได้เส้นทางทดสอบจากภูเก็ต ถึง สุราษฏร์ธานี การขับขี่ประมาณ  100 กม. เส้นทางผ่านการขึ้นลงเขา การจราจรไม่ติดขัด ทำความเร็วอยู่ที่ 100 กม./ชม. ในการขับขี่ทริปนี้ได้อัตราเฉลี่ยจากรถ 7 คัน อยู่ที่ 34.92 กม./ลิตร รถคันที่ทำสถิติได้ดีที่สุดอยู่ที่  42.2 กม./ลิตร (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการขับขี่ของแต่ละบุคคล) ซึ่ง ECO Sticker ของ Mitsubishi Xforce HEV อยู่ที่ 24.4 กม./ลิตร   

 Mitsubishi Xforce HEV

Mitsubishi Xforce HEV

Mitsubishi Xforce HEV เป็นรถอีกหนึ่งคัน ที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง หรือนอกเมืองก็ขับได้อย่างมั่นใจ ส่วนเรื่องของการดีไซน์สุดล้ำ ดูสวยงาม และให้ความสปอร์ต ส่วนภายในห้องโดยสารมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะระบบแอร์ ช่องชาร์จไฟ ที่วางแก้ว ระบบเครื่องเสียงที่รองรับมือถือสมาร์ทโฟน และส่วนของผู้โดยสารด้านหลังสามารถนั่งได้อย่างสบาย เพราะเบาะนั่งสามารถปรับเอนได้ และมีความกว้างขวางเพียงพอสำหรับนั่ง 3 คน สิ่งที่หลายคนในทริปพูดเหมือนกันคือ อยากให้มีคือหลังคาซันรูฟ จะทำให้มีมุมมองที่ปลอดโปร่งและเพิ่มความหรูหราให้ตัวรถ โดยรวม Mitsubishi Xforce HEV เป็นรถที่น่าใช้ ขนาดกะทัดรัด ลุยได้จริง และยังประหยัดน้ำมัน โดยผู้สนใจสามารถทดลองขับก่อนตัดสินใจได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยราคา Mitsubishi Xforce HEV  อยู่ที่ 899,000-1,089,000 บาท

ทดลองขับ

Visitors: 2,273,398